ลาพิส ลาซูลี : lapis lazuli
ธาตุน้ำ
สีน้ำเงินมีละอองทองปน
ลาพิส ลาซูลี เป็นหินที่รู้จักกันมาตั้งแต่ในสมัยโบราณและมีราคาที่สูง โดยมีหลักฐานจากข้อมูลของนักบันทึกประวัติศาสตร์ชาวโรมัน ชื่อ พลินี(Pliny the Elder) ในชื่อ แซฟไฟร์
แต่การใช้ชื่อ ลาพิส ลาซูลี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ.1636 โดย Anselmus Boetus de Boodt ในหนังสือ Gemmarum et Lapidum Historia หน้า 273 โดยชื่อดังกล่าวมาจากภาษาละติน "Lapis" และภาษาเปอร์เซีย "Lazhward" ซึ่งมีความหมายว่า สีน้ำเงิน หากออกเสียงตามคำของแหล่งที่มาทั้งสองแล้ว ชื่อนี้ควรจะออกเสียงว่า
"แลป-อิส เลซ-อู-ลี(Lap-is Laz-u-lee)
ลาพิส ลาซูลี(Lapis lazuli) หรือที่เรียกกันย่อๆว่า "ลาพิส" เป็นหินแปรสีน้ำเงินเข้ม สีน้ำเงินคราม และสีน้ำเงินปนเขียว ในเนื้อหินมักจะมีสีเหลืองประอยู่ คล้ายกับมีทองคำแทรกในเนื้อหิน แต่ความจริงคือแร่ไพไรต์ โดยที่ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าหินลาพิสนี้เป็นหินแห่งเทพเจ้า เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังอำนาจและเกียรติอันสูงส่ง และคอยปกป้องภัยอันตรายต่าง ๆ
โดยหินลาพิส ลาซูลี่ มีความหมายของหินนำโชค ก็คือหินชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยแร่ 3 ชนิด ทำให้มีสีต่างกันคือ แร่ไพไรท์มีสีทอง, แร่คาลไซท์มีสีขาว, แร่ลาซูไรท์ มีสีน้ำเงิน ที่ถือกันว่าเป็นอัญมณีที่ค่อนข้างจะหายากมาก และยังเป็นหินที่เป็นของมีค่ามาตั้งแต่โบราณ ด้วยความมีสีน้ำเงินสด เป็นหินนำโชคที่เหมาะกับทุกราศีเกิด มีคุณสมบัติช่วยขจัดพิษร้าย
ลาพิสส่วนใหญ่ในโลกจะได้จากการทำเหมืองที่ทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอัฟกานิสถานและปากีสถาน ตัวหินมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานซึ่งมีค่าที่สุดในยุคสัมฤทธิ์ ในยุคกรีกโบราณ มีการเรียก ลาพิส ลาซูลีว่า แซฟไฟร์(Sapphire) (ซึ่งในปัจจุบันเป็นภาษาอังกฤษของคำว่า ไพลินหรือพลอยคอรันดัมสีน้ำเงิน) ในช่วงยุคเรเนสซอง ผงของตัวลาพิส ลาซูลีมีความนิยมมาก เนื่องจากใช้ตกแต่งและระบายสีเป็นสีน้ำเงิน นอกจากนี้ยังพบเป็นสีที่ใช้ตกแต่งหน้ากากของโลงศพของฟาโรห์ตูตานคามุน(Pharaoh Tutankhamun)
ประเทศอัฟกานิสถานเป็นแหล่งหลักของลาพิส ลาซูลีของโลกในปัจจุบัน ประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ที่มีการใช้ลาพิสในแต่ละประเทศ ล้วนนำมาจากพื้นที่ของจังหวัดบาดัคชาน(Badakhshan) ที่มีลาพิส และฝิ่นเป็นแหล่งรายได้หลัก
พื้นที่ที่มีการทำเหมืองส่วนใหญ่ ถูกครอบครองโดยกลุ่มตาลีบันและสมาชิกท้องถิ่นของรัฐอิสลาม พวกเขาทำเหมืองแบบผิดกฎหมาย และจู่โจมเหมืองอื่นๆ เพื่อปล้นผลผลิตหรือเรียกค่าคุ้มครอง รายได้จากสิ่งเหล่านี้ถูกใช้เพื่อสนับสนุนสงครามและการก่อการร้าย
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้มีกลุ่มผู้สนับสนุนและสมาชิกบางคนของรัฐบาลอัฟกานิสถานต้องการให้ ลาพิส ลาซูลีที่ผลิตจากประเทศอัฟกานิสถาน ให้จัดอยู่ในกลุ่ม "แร่ที่มีข้อขัดแย้ง" เพื่อให้รัฐบาลอัฟกานิสถานและนานาประเทศ ต้องติดตามการผลิตและการขายลาพิส ลาซูลี จากเหมืองในประเทศอัฟกานิสถานสู่ตลาดภายนอก และยังช่วยป้องกันการลักลอบขายลาพิสที่ผิดกฎหมาย และยังทำให้ราคาของลาพิสไม่ตกต่ำอีกด้วย
เป็นที่รู้กันว่าผงที่ทำจากหินลาพิซ ได้ชื่อว่าเป็น "ผงสีที่แพงที่สุดในโลก"
ลาพิส ลาซูลีที่มีคุณภาพสูงได้ถูกนำมาบด และใช้เป็นเม็ดสีมานานกว่าพันปี โดยนำมาสกัดสีอื่นที่เจือปนออกและบดจนเป็นผงละเอียด ซึ่งผงนี้สามารถนำมาผสมกับน้ำมันหรือสารเคมีอื่น ๆ เพื่อใช้ทำเป็นสีได้
ผงสีที่มีคุณภาพสูง ผลิตได้ด้วยการนำผงลาพิสมาล้างด้วยกรดอ่อนๆ เพื่อกำจัดแคลไซต์สีขาวที่ทำให้สีน้ำเงินเจือจาง โดยเม็ดไพไรต์และธาตุอื่น ๆ จะถูกคัดออกตั้งแต่ตอนก่อนบด เม็ดสีที่ได้จากลาพิสนี้จะเป็นโทนสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า "อัลตรามารีนบลู(ultramarine blue)" เป็นชื่อที่ใช้เรียกกันมาหลายร้อยปี ในช่วงยุคเรอเนซองส์ ถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ภาพเขียนที่ทำด้วยสีน้ำเงินโทนอัลตรามารีน ถือเป็นของหรูหราเนื่องจากมีราคาสูงมาก โดยแหล่งของลาพิสในช่วงเวลาดังกล่าวถูกขุดในอัฟกานิสถานและส่งไปยังยุโรป และเม็ดสีราคาแพงนี้ จะถูกใช้โดยศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเท่านั้น แม้ในปัจจุบันโทนสีนี้ หากผลิตขึ้นจากลาพิส ก็จะมีราคาที่สูงกว่าพันดอลลาร์สหรัฐต่อผงสีที่มีน้ำหนัก 1 ปอนด์
ถึงช่วงกลางของศตวรรษที่ 18 ศิลปินและนักเคมีเริ่มพัฒนาเม็ดสีน้ำเงินสังเคราะห์ เพื่อใช้เป็นทางเลือกแทนสีน้ำเงินเข้มที่ผลิตจากลาพิส บางส่วนของโทนสีเหล่านี้ ก็ใช้ชื่อ "อัลตรามารีน(ultramarine)" ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นศิลปินที่ต้องการเม็ดสีโทนน้ำเงินอัลตรามารีนที่ทำจากลาพิสต้องแน่ใจว่าเม็ดสีนั้นไม่ใช่สีสังเคราะห์และทำจากลาพิสจริง ๆ ในขณะที่ผงสีที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น ก็มีข้อได้เปรียบกว่าสีจากลาพิส โดยสีน้ำเงินของมัน มักจะดูลึกกว่าและสม่ำเสมอกว่าสีน้ำเงินที่ผลิตจากลาพิสและก็มีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่ามาก
ในปัจจุบันถึงแม้ว่า สีส่วนใหญ่ในท้องตลาด จะเป็นสีที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น แต่ก็มีศิลปินในยุคปัจจุบัน ที่พยายามเรียนรู้เทคนิคทางประวัติศาสตร์ หรือต้องการได้ผลลัพธ์ของงานศิลปะที่คล้ายคลึงกับจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต ซึ่งก็ยังมีการผลิตโดยผู้ผลิตเม็ดสีเพียงไม่กี่ราย ที่ยังคงใช้ลาพิส ลาซูลีจากแหล่งประวัติศาสตร์ในอัฟกานิสถาน
การเกิดของลาพิส ลาซูลี
ลาพิส ลาซูลี มักเกิดในบริเวณที่เกิดการแทรกของหินอัคนี ในหินปูนหรือหินอ่อน ที่เกิดการแปรแบบสัมผัสหรือการแปรแบบน้ำร้อน ในหินนี้ แร่ลาซูไรต์จะแทนที่บางส่วนของหินเดิมและเกิดเป็นแถบหรือชั้นบางๆ ในบริเวณนั้น
แหล่งหลักที่ส่งออกหินชนิดนี้ คือ ประเทศอัฟกานิสถานและปากีสถาน รองลงมาเป็นชิลี, อาร์เจนตินา, รัสเซีย, อิตาลี, แคนาดา และอเมริกา
ตำนานและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับลาพิส ลาซูลี
ลาพิส ลาซูลี ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายสำหรับชาวอียิปต์โบราณ และชาวอัสซีเรีย สำหรับการแกะสลักเครื่องราง และตราประทับสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ตราของกษัตริย์, ตรารูปแมลงสการับ(scarab) เป็นต้น เป็นหินที่มีภาพลักษณ์ของความจริง(เป็นสัญญลักษณ์แทนของเทพเจ้ามาอัด(Maat)) ซึ่งหัวหน้าผู้พิพากษาอียิปต์และนักบวชชั้นสูงต้องสวมรอบคอของเขา
ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้เกี่ยวกับอัญมณีกึ่งมีค่าที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ทางศาสนาจากหนังสือแห่งความตายของชาวอียิปต์ พิธีกรรมเพื่อการเดินทางหลังความตายให้ปลอดภัยและป้องกันจากความชั่วร้ายของผู้ล่วงลับ นอกจากนี้สัญลักษณ์รูปตาที่ทำจาก ลาพิส ลาซูลีและประดับด้วยทองคำ เป็นเครื่องรางแห่งอำนาจอันยิ่งใหญ่ และเป็นเครื่องบูชาที่แสดงถึงการบูชาต่อเทพรา(Ra)(เทพแห่งพระอาทิตย์)
ชาวอียิปต์โบราณยังเชื่ออีกว่า วิญญาณนั้นมีอยู่ในจิตใจและอาศัยอยู่ในสมอง และ ลาพิส ลาซูลีเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาจิตใจ และทำให้วิญญาณสะอาด ลาพิส ลาซูลีถูกใช้เพื่อล้างวิญญาณ และทำลายพื้นที่ในหัวสมอง ที่ถูกครอบครองโดยปีศาจ โดยการบดหินผสมกับทองคำทำให้เป็นผง และพอกมันไว้ตรงกลางกระหม่อม เมื่อแห้งมันจะดึงเอาผีปีศาจออกมา ในกรณีพิเศษจะเจาะกะโหลกศีรษะและเทส่วนผสมลงในหัว
ในตำราของชาวอัสซีเรีย(ตำราอุกนู(uknu) มีข้อมูลว่า ลาพิส ลาซูลีเป็นหนึ่งในเจ็ดอัญมณีที่อยู่ในเครื่องประดับที่จะสวมใส่บนหน้าอกของพระมหากษัตริย์ เป็นเครื่องรางที่บ่งชี้ถึงพลังอำนาจจากเทพเจ้า
ในมหากาพย์กิลกาเมท(Gilgamesh) ของชาวบาบิโลน มีตำนานเล่าถึงต้นไม้ที่ให้ผลเป็นอัญมณี และ ลาพิส ลาซูลี งอกออกมาจากมงกุฎของมัน
ลาพิส ลาซูลีเป็นอัญมณีเพื่อตกแต่งบนสายคาดสีเหลือง ที่สวมใส่โดยจักรพรรดิจีนของราชวงศ์แมนจูสำหรับการออกราชการในวัดของศาสนาพุทธ
ในตำนานเทพนิยายกรีก เทพธิดาอินนา (ผู้มาก่อนเทพอะโพรไดรส์(Aphrodite) และวีนัส(Venus)) ได้เดินทางเข้าไปในนรก โดยถือแท่งลาพิส ลาซูลี เพื่อวัดระยะเวลาและความยาวของชีวิตของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ตามตำนานกรีกยังเชื่อกันว่า หินแต่ละชนิดเป็นเนื้อของเทพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายสถิตย์อยู่ในหินชนิดต่าง ๆ
คนสมัยก่อนเชื่อว่าถ้าสัมผัสหินลาพิสทุกวันจะนำความสุขใจ นำความสมหวังและมีชีวิตที่สุขสบาย เพราะเป็นหินที่เป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์และการมีสถานภาพที่สูงส่งในสังคม และเนื่องจากหินลาพิสมีเกล็ดเล็กระยิบระยับของแร่ไพไรท์อยู่ด้วย จึงทำให้นึกถึงประกายของดวงดาวยามค่ำคืนทำให้นอนหลับอย่างเป็นสุข หินชนิดนี้สามารถส่งคลื่นพลังกระตุ้นพลังกายทิพย์ในร่างกายให้สามารถมองเห็นลึกเข้าไปในจิตใจของทุกผู้คน มองลึกลงไปในปัญหาต่างๆ จึงมักเป็นหินที่ใช้เกี่ยวกับดวงชะตาโหราศาสตร์ มีพลังในการปกป้องคุ้มครองสูงมาก เสริมสร้างสติปัญญา และคุณสมบัติที่เด่น ๆ ของลาพิสจะอยู่ที่แร่ไพไรท์ที่ฝังอยู่ในเนื้อหิน จะช่วยให้เรามองเห็นหนทางที่จะนำพาทรัพย์สินมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ สามารถเรียกเงินเรียกทองได้
คนสมัยก่อนเชื่อว่าหินลาพิสเป็นหินที่เปิดดวงตาที่สาม อีกทั้งยังช่วยชักนำเพื่อนแท้ หินนำโชคลาพิสยังช่วยเสริมความกล้าหาญในการเผชิญหน้า การเข้าสังคม และเสริมความมั่นใจในตัวเองได้อีกด้วย นอกจากนี้แล้ว หินลาพิสยังนำโชคให้แก่ผู้ที่ครอบครองเสมอ
ในด้านความเชื่อ
ลาพิส เป็นหนึ่งในหินที่ใช้มากที่สุด ตั้งแต่มีประวัติของมนุษย์ สีน้ำเงินที่เข้มลึก ดั่งท้องฟ้ายังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเลิศหรูและสูงส่ง พระเจ้าและพลังอำนาจ จิตวิญญาณและวิสัยทัศน์ เป็นสัญลักษณ์สากลของภูมิปัญญาและความจริง ช่วยสร้างความสงบเงียบ ให้ภูมิปัญญา สามารถเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จทางจิตวิญญาณ ช่วยป้องกันการโจมตีของพลังจิต ป้องกันพลังงานเชิงลบและส่งกลับพลังงานเชิงลบไปยังแหล่งที่มา
ในด้านการรักษา
ลาพิส ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระบบต่อมไทรอยด์และระบบประสาท สามารถบรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน ไข้และความเจ็บปวดได้
หินชนิดนี้ ได้รับการพิจารณาให้ใช้เป็นยาแก้อาการซึมเศร้า และ "ไข้มาลาเรียแบบวันเว้น 3 วัน (quartan malaria)" ไข้เป็นพัก ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันที่สามหรือวันที่สี่นับจากวันที่มีอาการครั้งก่อน
นอกจากนี้ยังใช้ในการรักษาโรคลมชัก, โรคของม้ามและภาวะสมองเสื่อม ใช้เป็นเครื่องประดับสำหรับสวมใส่รอบคอของเด็ก เพื่อเป็นเครื่องรางที่จะขับไล่อาการขี้ตกใจในเด็ก เพิ่มความรู้สึกเข้มแข็ง ป้องกันไม่ให้เป็นลมและการคลอดก่อนกำหนด
ขอบคุณที่มา :
หนังสือพลังหินบำบัดและอัญมณี โดย อาจารย์จุฑามาศ ณ สงขลา / สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์
fb : Aoy Otaphol
www.pwsalestone.com
https://www.pwsalestone.com/category/20/-lapis-lazuli