รัตนชาติ เดิมเขียนว่า รัตนชาต แปลได้ว่า สิ่งที่ถือกำเนิดมาเป็นแก้ว (รัตน=แก้ว ชาต=เกิด)
ซึ่งในประเทศไทยเอง เดิมก็พบว่ามีรัตนชาตทั้ง ๙ อย่างอันเป็นมิ่งมงคล
แต่ปัจจุบันนี้รัตนชาตบางชนิดกลายเป็นของหายากหรือหาไม่พบแล้ว
รัตนชาต ทั้ง ๙ หรือเรียกอีกอย่างว่า"นพรัตน์"นั้น โบราณท่านผูกเป็นบทกลอนไว้ว่า
"...เพชรดีมณีแดง เขียวใสแสงมรกต
เหลืองใสสดบุษราคัม แดงแก่ก่ำโกเมนเอก
สีหมอกเมฆนิลกาฬ มุกดาหารหมอกมัว
แดงสลัวเพทาย สังวาลย์สายไพฑูรย์..."
ซึ่งตามคำกลอนดังกล่าว ไม่ได้เรียงตามระดับราคาหรือค่าความแข็งแต่อย่างใด
แต่ทั้งนี้พบว่าชื่อเรียกในโบราณนั้น ปัจจุบันอาจหมายถึงรัตนชาตชนิดอื่นได้เช่นกัน
ถ้าอ้างอิงตามกลอนบทนี้ สามารถถอดความเป็นรัตนชาต ๙ อย่างได้ดังนี้
๑. เพชรดี หมายถึง เพชร แร่รัตนชาติสีขาว (Diamond)
ขอบคุณภาพประกอบจาก pinterest
๒. มณีแดง หมายถึง ทับทิม แร่รัตนชาติสีแดง (Ruby)
ขอบคุณภาพประกอบจาก pinterest
๓. เขียวใสแสงมรกต หมายถึง มรกต แร่รัตนชาติสีเขียว (Emerald)
ขอบคุณภาพประกอบจาก pinterest
๔. เหลืองใสสดบุษราคัม หมายถึง บุษราคัม แร่รัตนชาติสีเหลือง (Yellow Sapphire)
ขอบคุณภาพประกอบจาก pinterest
๕. แดงแก่ก่ำโกเมนเอก หมายถึง โกเมน แร่รัตนชาติสีแดงเลือดหมู (Garnet)
ขอบคุณภาพประกอบจาก pinterest
๖. สีหมอกเมฆนิลกาฬ หมายถึง Sapphire แร่รัตนชาติสีน้ำเงิน(ไพลิน) (Blue Sapphire)
ขอบคุณภาพประกอบจาก pinterest
๗. มุกดาหารหมอกมัว หมายถึง มุกดา หรือ จันทรกานต์ แร่รัตนชาติสีขาวขุ่นคล้ายสีหมอก มีลักษณะพิเศษมีเหลือบรุ้งสีออกฟ้าสีนวล (Moonstone)
ขอบคุณภาพประกอบจาก pinterest
๘. แดงสลัวเพทาย หมายถึง เพทาย แร่รัตนชาติสีแดงเข้ม (Hyacinth) เขียนอีกอย่างหนึ่งว่า (Red Zircon) (ซึ่งเป็นรัตนชาตชนิดเดียวกัน)
ขอบคุณภาพประกอบจาก pinterest
๙. สังวาลสายไพฑูรย์ หมายถึง ไพฑูรย์ (Chrysoberyl-cat eye) เป็นอัญมณีหรือหินสีชนิดหนึ่งหรือแร่รัตนชาติ มีหลายสีเช่น สีเหลืองนวล สีเหลืองทอง สีน้ำผึ้ง สีเขียวแอปเปิล สีน้ำตาล สีหมอกเมฆนิลกาฬ ฯลฯ
คุณค่าของนพเก้าหรือนพรัตน์
เพชรยิ่งใหญ่ไพรีไม่มีกล้ำ
ทับทิมนำอายุยืนเพิ่มพูนผล
อุดมลาภยศศักดิ์ประจักษ์ดล
มรกตกันภัยพ้นผองเล็บงา
บุษราคัมฉาบเสน่ห์ไม่เสแสร้ง
โกเมนแจ้งแคล้วพาลภัยใจสุขา
ไพลินย้ำความร่ำรวยช่วยนำพา
มุกดาหารเสน่หาน่าเมียงมอง
อันเพทายช่วยกันโทษที่โฉดเขลา
ไพฑูรย์เล่ากันฟอนไฟภัยทั้งผอง
ดลบันดาลให้เทวามาคุ้มครอง
สบสนองคุณค่าแจ้งแห่งนพรัตน์
“นพเก้า” หรือ “นพรัตน์” เป็นอัญมณี 9 ชนิด
ที่ถือกันว่าถ้าผู้ใดมีไว้ครบทั้งหมดก็จะเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุด ประดับด้วยเพชรและพลอยสำคัญอีก 8 ชนิด คือ ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิลกาฬ (ไพลิน) มุกดาหาร เพทายและไพฑูรย์ ครบทุกชนิดตามโบราณราชประเพณี “ความเชื่อ” ของผู้คนที่มีมาแต่โบราณกาลว่า อัญมณีหรือเพชรพลอยทั้ง 9 ชนิดที่เรียกว่า “นพรัตน์” นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของดาวนพเคราะห์ ถือเป็นของสูง เป็นสิริมงคลแก่ผู้เป็นเจ้าของ ใครมีไว้ก็ล้วนแต่เจริญรุ่งเรืองด้วยประการทั้งปวง เลิศด้วยความดีงามทั้งปวง
เรื่องของอัญมณีโดยเฉพาะแก้วเก้าประการ คนไทยโดยทั่วไปนิยมเลื่อมใสนับถือเป็นของมีค่าสูงและเป็นสิริมงคล นำมาใช้ประโยชน์ทั้งในด้านศาสนา และในสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น ทำเป็นพระพุทธรูปต่าง ๆ ตลอดจนใช้ประดับเครื่องทรงและที่ประทับ ใช้เป็นเครื่องประดับแสดงถึงตำแหน่งและเกียรติยศ เครื่องราชูปโภคในพระราชพิธีสำคัญ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตลอดจนสิ่งของเครื่องใช้ของที่เป็นบำเหน็จรางวัล เครื่องประดับต่าง ๆ ของพระราชวงศ์ ขุนนาง และข้าราชการชั้นสูง ประชาชนโดยทั่วไปทุกระดับชั้นก็สามารถหามาใช้ได้ตามกำลังฐานะ นอกจากเพื่อความสวยงาม และความเป็นสิริมงคลต่าง ๆ แล้ว ก็ยังใช้เป็นหลักทรัพย์ที่ถือเป็นมรดกสืบทอดแก่ทายาทในวงศ์ตระกูล เป็นของกำนัลตอบแทนผู้มีน้ำใจช่วยเหลือยามที่เคยตกยาก
ความหมายอันเป็นสิริมงคล
เพชร สิริมงคล คือ เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ มีชัยแก่ศัตรู ร่ำรวย
มณี (ทับทิม) สิริมงคลคือ ความสำเร็จ ลาภยศ อายุยืน
มรกต สิริมงคลคือ ความศรัทธา กล้าหาญ ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง
"บุษราคัม" สิริมงคลคือ มีเสน่ห์เป็นที่รัก
"โกเมน" สิริมงคลคือ สุขภาพดี อายุยืนนาน
"นิลกาฬ (ไพลิน)" สิริมงคลคือ ความรัก ความเมตตากรุณา ความร่ำรวย
"มุกดาหาร" สิริมงคลคือ ความบริสุทธิ์ ร่มเย็น และชนะแก่ศัตรู
"เพทาย" สิริมงคลคือ ความร่ำรวย ชนะคดีความ
"ไพฑูรย์" สิริมงคลคือ เทวดาคุ้มครอง ป้องกันฟืนไฟ
ในตำราพรหมชาติซึ่งเป็นตำราโหร กล่าวไว้ว่า นพรัตน์เป็นสิ่งมงคล หากจะใช้ควรเลือกให้เหมาะกับบุคคลมิฉะนั้นจะเกิดโทษ ดังนั้นแล้ววิธีการเลือกสวมใส่มีหลักดังนี้
ผู้เกิดปีชวดและปีระกา ควรประดับ โกเมน
ผู้เกิดปีฉลูและปีมะแม ควรประดับ มุกดา
ผู้เกิดปีขาล ควรประดับ เพทาย
ผู้เกิดปีเถาะ ควรประดับ ไพฑูรย์ หรือมรกต
ผู้เกิดปีมะโรงและปีกุน ควรประดับ ไพฑูรย์
ผู้เกิดปีมะเส็ง ควรประดับ เพชร
ผู้เกิดปีมะเมีย ควรประดับ นิล
ผู้เกิดปีวอก ควรประดับ บุษราคัม
ผู้เกิดปีจอ ควรประดับ มรกต
ในสมัยโบราณ ผู้คนมักนิยมนำพลอยนพเก้ามาทำเป็นแหวน โดยเรียกว่า “แหวนนพเก้า” หรือ (แหวนนพรัตน์) เป็นแหวนสูงค่าที่รู้จักกันมานานนับร้อยปี ตามความเชื่อที่ว่า อัญมณีแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในทางมงคล ป้องกันภัยอันตรายต่างๆ และขจัดความไม่เป็นมงคลทั้งหลายให้สิ้นไปได้ หากผู้ใดมีไว้ในครอบครอง ก็เท่ากับมีมงคลไว้ติดตัว ทำสิ่งใดย่อมมีความสำเร็จ ด้วยเหตุที่แหวนนพเก้ามีทั้งความงามและคุณค่าในตัวเอง โดยแทบไม่ต้องปรุงแต่ง นับแต่โบราณมาแล้ว คนไทยได้รับอิทธิพลความเชื่อของอัญมณี 9 ชนิดนี้มาจากอินเดีย แต่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่า เข้ามามีอิทธิพลเมื่อไร ด้วยเหตุที่คนอินเดียมีวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีอันยาวนาน เขาจึงรู้คุณค่า และความสวยงามของอัญมณี 9 ชนิดนี้เป็นอย่างดี ทั้งยังนำไปเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับดวงดาว ในระบบสุริยะจักรวาลและเทพประจำดวงดาว ซึ่งมีอำนาจและพลัง เป็นคุณวิเศษที่จะนำพาความเจริญ รุ่งเรือง และสิริมงคลทั้งหลาย มาสู่ผู้สวมใส่ นอกจากนี้ยังมีพลังแห่งการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วย ไม่เพียงเท่านี้ ชาวตะวันตก ชาวอียิปต์โบราณ ชาวจีน หรือแม้แต่ชาวป่าเผ่าต่างๆ ก็มีความเชื่อถือในพลังของอัญมณี เหล่านี้เช่นกัน
ขอบคุณที่มา :
หนังสือเพชรพลอยเพื่อสิริมงคล โดย มณิขจิต : สำนักพิมพ์มติชน
fb: Aoy Otaphol